Homeรู้จัก TELEMEDICINE อยู่ที่ไหนก็คุยกับหมอได้Telemedicineรู้จัก TELEMEDICINE อยู่ที่ไหนก็คุยกับหมอได้

รู้จัก TELEMEDICINE อยู่ที่ไหนก็คุยกับหมอได้

รู้จัก TELEMEDICINE อยู่ที่ไหนก็คุยกับหมอได้

ในยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีการสื่อสารที่ได้รับการพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เช่น ในอดีต โทรศัพท์มือถือจะถูกใช้สำหรับการพูดคุยติดต่อสื่อสารเท่านั้น แต่ปัจจุบันเราสามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการถ่ายรูป ถ่ายคลิปวิดีโอ ฟังเพลง หรือแม้กระทั่งเชื่อมต่อกับสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเห็นทั้งภาพเคลื่อนไหว และได้ยินเสียงของคู่สนทนาของเราในแบบเรียลไทม์ ทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องสะดวกสบายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น เมื่อการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารดังกล่าว ถูกนำมาใช้สำหรับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยทางไกล ซึ่งเรียกว่า การแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine

Telemedicine คืออะไร?

องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ให้คำจำกัดความของคำว่า การแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine หมายถึง การจัดให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนที่อยู่ห่างไกลโดยบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัย การรักษาและการป้องกันโรค รวมถึงการศึกษาวิจัย และเพื่อประโยชน์สำหรับการศึกษาต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์

หรือความหมายที่ทาง Sniper สรุปให้เข้าใจได้ง่าย ๆ นั่นก็คือ

Telemedicine (การแพทย์ทางไกล) คือ การให้บริการด้านการแพทย์แก่ผู้ที่อยู่ห่างไกลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผ่านเทคโนโลยีและการสื่อสารแบบ Video Conference เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัย การรักษา และติดตามอาการได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่

ประโยชน์ของ Telemedicine มีอะไรบ้าง?

1. ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล

2. เพิ่มศักยภาพในการรักษา วินิจฉัย และติดตามอาการของผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น

3. ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโดยรวม เช่น ค่าเดินทาง หรือค่าเสียเวลาอื่น ๆ

4. ประหยัดเวลาในการใช้บริการทางการแพทย์ เช่น นัดคิวแพทย์ได้ล่วงหน้า หรือรอรับยาได้ที่บ้านแทนต่อคิวรอที่โรงพยาบาล

Telemedicine สำคัญกับธุรกิจ Health & Wellness อย่างไร?

1. ช่วยให้ผู้ป่วยที่อยู่ในชนบทห่างไกลสามารถเข้าถึงการตรวจรักษา และได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันท่วงที รวมทั้งสามารถขยายงานบริการทางการแพทย์ของแต่ละโรงพยาบาลให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ห่างไกลได้มากขึ้น

2. มีประสิทธิผลคุ้มค่าการลงทุน (Cost Efficiencies) เนื่องจากช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโดยรวม และเพิ่มประสิทธิผลในการรักษาโรค เนื่องจากใช้บุคลากรทางการแพทย์ร่วมกันระหว่างโรงพยาบาล และยังช่วยลดระยะเวลาของแพทย์ในการเดินทางเพื่อมารักษาพยาบาล และช่วยให้ผู้ป่วยลดระยะเวลาการนอนพักรักษาในโรงพยาบาลได้

3. อำนวยให้ผู้ป่วยหรือผู้รับบริการทางด้านการแพทย์ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลมาที่โรงพยาบาลจังหวัดหรือโรงพยาบาลศูนย์ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ป่วยลดความเครียดจากการเดินทางได้อีกด้วย

ปัจจุบัน Telemedicine ถูกนำมาใช้กับการให้บริการการแพทย์และสาธารณสุขในธุรกิจ Health & Wellness ระดับโรงพยาบาลใหญ่ ๆ เท่านั้น

ซึ่งมีโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนที่รองรับการให้บริการการแพทย์ด้วย Telemedicine ได้แก่ โรงพยาบาลอ่าวลึก จังหวัดกระบี่ โดยอาศัยสัญญาณโทรศัพท์และระบบอินเทอร์เน็ตของการสื่อสารแห่งประเทศไทยในการส่งข้อมูลผู้ป่วย และโรงพยาบาลแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยใช้ระบบการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม

โดยทั้งสองแห่งเป็นโรงพยาบาลที่เป็นแม่ข่ายและสถานีอนามัยที่ตนเองรับผิดชอบเป็นลูกข่าย (ปัจจุบันสถานีอนามัยเปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) ซึ่งทั้งสองแห่งใช้งานผ่านระบบ Video Conference เช่นเดียวกัน

ส่วนภาคเอกชน ก็มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งที่นำระบบ Telemedicine มาใช้ เช่น กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพที่นำนวัตกรรม ROBO DOCTOR หรือคุณหมอหุ่นยนต์จากประเทศสหรัฐอเมริกา มาเสริมศักยภาพการรักษาพยาบาล ซึ่งจะเริ่มใช้กับโรงพยาบาล 4 แห่งของเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้แก่ ศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ (ซอยศูนย์วิจัย) โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน และโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต

โดยเริ่มนำร่องใช้สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคสมองและระบบประสาท โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เนื่องจากโรคกลุ่มนี้เมื่อได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและได้รับการรักษาที่รวดเร็วมากเท่าใด ยิ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสฟื้นตัวและกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากส่วนกลาง ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลเครือข่าย รวมถึงผู้ป่วยและญาติ สามารถซักถามโต้ตอบกันแบบเห็นหน้า ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลการรักษาแบบ Real Time Interactive

ข้อจำกัดของการใช้ Telemedicine กับสถานพยาบาลเอกชน

การให้บริการทางการแพทย์ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม จะต้องมีการดูแล กำกับมาตรฐานให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับบริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง แก่ผู้ป่วยที่อาการไม่ซับซ้อน หรือต้องพบแพทย์เป็นประจำ รวมทั้งคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้รับบริการในสถานพยาบาลเอกชน

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข โดยกรม สบส. (กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ) จึงได้พัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการแพทย์ทางไกล และได้มีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง “มาตรฐานการให้บริการของสถานพยาบาลโดยใช้ระบบบริการการแพทย์ทางไกล พ.ศ. 2564” โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (2 กุมภาพันธ์ 2564)

ซึ่งสาระสำคัญของประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ กำหนดให้สถานพยาบาลเอกชนที่ประสงค์จะให้บริการโดยระบบบริการการแพทย์ทางไกล ต้องยื่นแบบคำขอบริการเพิ่มเติมต่อผู้อนุญาต คือ อธิบดีกรม สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ รวมทั้ง ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล จะต้องจัดให้มีองค์ประกอบที่เหมาะสมในการให้บริการ อาทิ 

  1. จัดให้มีแพทย์ให้บริการในจำนวนที่เพียงพอต่อการให้บริการโดยตรง โดยจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการหลักอื่น ๆ 
  2. จัดเตรียมแผนและอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม เทคโนโลยีที่สามารถสื่อสารระหว่างกันได้อย่างชัดเจน และมีมาตรฐานการรักษาความมั่นคงด้านสารสนเทศ
  3. มีการลงทะเบียน บันทึกข้อมูล รายงานผลการให้บริการ การตรวจสอบและการยืนยันกระบวนการการให้บริการทุกขั้นตอน 
  4. กำกับและดูแลผู้ประกอบวิชาชีพ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง 
  5. มีการชี้แจงรายละเอียดก่อนการให้บริการ ขั้นตอนปฏิบัติ ผลที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการทุกด้าน และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้รับบริการ ฯลฯ

หากมีการฝ่าฝืนก็จะมีการดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 กับผู้รับอนุญาต หรือผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ซึ่งนอกจากจะช่วยคุ้มครองประชาชนแล้วยังสร้างความเชื่อมั่นให้การตรวจ วินิจฉัย รักษาพยาบาล และป้องกันโรค ผ่านระบบดิจิทัลหรือเทเลเมดิซีนของสถานพยาบาลไทยว่าจะเป็นไปตามคุณภาพมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด หากประชาชนหรือสถานพยาบาลแห่งใดมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรม สบส. 1426

นอกจากนี้ ยังมีประกาศแพทยสภา เรื่อง “แนวทางปฏิบัติการแพทย์ทางไกลหรือโทรเวช (telemedicine) และคลินิกออนไลน์” ที่ได้กำหนดข้อปฏิบัติที่สำคัญในการใช้งาน อาทิ

  1. การใช้เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence AI) ร่วมกับ การใช้โทรเวชหรือการแพทย์ทางไกล (telemedicine) จำต้องเป็นไปตามกฎหมายเฉพาะ เช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับเครื่องมือแพทย์ กฎหมายที่เกี่ยวกับยา เป็นต้น
  2. ระบบสารสนเทศที่ใช้ดำเนินการโทรเวช ต้องได้รับมาตรฐานความปลอดภัยสารสนเทศ และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  3. คลินิกออนไลน์และการให้บริบาลการแพทย์ทางไกล (telemedicine) จำเป็นต้องดำเนินการผ่านสถานพยาบาลเท่านั้น

จะเห็นได้ว่า ระบบ Telemedicine หรือระบบการแพทย์ทางไกล เป็นอีกรูปแบบของระบบบริการทางการแพทย์ยุคใหม่ ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ทำให้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลสามารถเข้าถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากส่วนกลางได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาไกล นอกจากนี้ โรงพยาบาลที่ขาดแคลนแพทย์เฉพาะทางก็จะได้รับการช่วยเหลือทั้งด้านการตรวจรักษา การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการแพทย์ ตลอดจนการศึกษาต่อเนื่องทางการแพทย์ เป็นการช่วยพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และระบบบริการทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมประชากรในส่วนต่าง ๆ ของประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ประชากรของประเทศมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในที่สุด

หากคุณสนใจระบบที่จะช่วยให้คุณสามารถทำธุรกิจ Health & Wellness ในระดับคลินิกได้อย่างครบวงจร สามารถติดต่อ Sniper เพื่อรับคำปรึกษา นัดหมายพูดคุยในการวางแผนการใช้ระบบการจัดการคลินิกแบบ “Smart” ได้ที่เว็บไซต์ https://sniper.tech/ หรือไลน์แอด @snipertech หรือโทรติดต่อ 093-498-2446

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักข่าว Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ

อ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมจาก : ประกาศกระทรวงสาธารณสุข

#TELEMEDICINE #SNIPERTELEMEDICINE #SNIPERSMARTCLINIC #SNIPERMARKETING #SNIPERTECH

ลด % ลูกค้าเก่าหมดใจ เพิ่มโอกาสซื้อซ้ำให้ลูกค้าใหม่ได้มากกว่า ด้วย Sniper CDP

การสร้างและเพิ่ม Customer Loyalty ให้กับแบรนด์เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งการเพิ่ม Customer Loyalty (ความจงรักภักดีที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์) ให้กับแบรนด์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมายในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ

Read More »

เพิ่ม Customer Loyalty ด้วยการตลาดแบบ ‘ถูกจริต’ 

การสร้างและเพิ่ม Customer Loyalty ให้กับแบรนด์เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งการเพิ่ม Customer Loyalty (ความจงรักภักดีที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์) ให้กับแบรนด์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมายในการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ

Read More »

CDP  แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าที่ทุกธุรกิจควรมี

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ธุรกิจต้องปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์การตลาดอยู่เสมอเพื่อที่จะอยูนำคู่แข่ง หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่เกิดขึ้นคือ Customer Data Platform (CDP) ในบทความนี้ เราจะสำรวจว่าทำไม CDP เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับธุรกิจ

Read More »