การทำธุรกิจในยุคดิจิทัลที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น นั่นหมายความว่า ผู้บริโภคเหล่านั้นยิ่งมีทางเลือกหรือตัวเลือกใหม่ ๆ ในการเสาะหาสินค้าหรือบริการได้อย่างหลากหลายมากขึ้นตามไปด้วย แล้วเจ้าของธุรกิจหรือนักการตลาดจะต้องทำอย่างไร? จึงจะสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าหรือบริการของแบรนด์ที่อาจมีคุณภาพ ราคา แพ็กเกจ รวมถึงมีเงื่อนไขที่ใกล้เคียงกันกับคู่แข่งทางการตลาดอื่น ๆ เพื่อให้สินค้าหรือบริการดังกล่าว มีความโดดเด่นและสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมายจนเกิด Brand Royalty ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต
สิ่งที่จะตอบโจทย์ นั่นก็คือ การใช้ Costomer Data Platform หรือ CDP เครื่องมือทำการตลาดอัจฉริยะมาช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณทำการตลาดได้อย่างแตกต่างและเหนือกว่าการทำการตลาดแบบเดิม ๆ ด้วยการสร้างประสบการณ์การซื้อหรือการใช้บริการที่ดี ทำให้ลูกค้าสามารถรับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษที่เหนือความคาดหมายอยู่เสมอ
CDP คืออะไร?
หากคุณเคยติดตามบทความก่อนหน้าอย่าง ‘ส่องการทำงานของ CDP ทำไมส่งโฆษณาได้แบบ 1:1’ ก็คงพอจะทราบว่า sniper ได้ให้ความหมายของ CDP ไว้ดังนี้
“CDP (Customer Data Platform) คือ เครื่องมือทางการตลาดที่รวบรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งต่าง ๆ ไว้ในที่เดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูลและทำให้เข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า (Consumer Behavior) ได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ ทำให้นักการตลาดสามารถจัดกลุ่มลูกค้า (Customer Segmentation) เพื่อต่อยอดในการพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการทำการตลาดกลับไปให้ลูกค้าแต่ละคน (Personalized Marketing) ได้อย่างแม่นยำ เหมาะสม และคุ้มค่ามากที่สุด”
แล้วคุณจะทำธุรกิจแบบฟีลแฟน ให้ยิ่งรู้จัก ยิ่งรู้ใจลูกค้า ด้วย CDP ได้อย่างไร?
หลายคนอาจจะทราบกันดีว่า CDP สามารถช่วยให้คุณทำการตลาดแบบ Personalized Marketing ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ฟีเจอร์ Segmentation ในการแบ่งกลุ่มลูกค้าแบบอัตโนมัติได้อย่างหลากหลาย ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า 1 คนได้ในทุกมิติ เช่น ความชอบ ความสนใจ ความถี่ในการซื้อสินค้า ประเภทสินค้าที่ซื้อบ่อย ราคาสินค้าที่ตอบโจทย์ รวมถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือบริการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
นอกจากนี้ CDP ยังสามารถใช้ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า เช่น จำนวน อายุ อาชีพ หรือรายได้ของสมาชิกในครอบครัว และข้อมูลอื่น ๆ ที่ได้รับการยินยอมจากลูกค้าตามกฎหมาย PDPA มาใช้วิเคราะห์เพิ่มเติมได้อีกด้วย
ดังนั้น CDP จึงกลายเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณทำธุรกิจแบบฟีลแฟนได้ ด้วยการสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์การซื้อที่ดีให้กับลูกค้าให้รู้สึกพิเศษมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
1. เลือกส่งโฆษณาให้เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมกับโฆษณานั้น ๆ เพื่อป้องกันแชทผีหรือทักแชทแล้วไม่ซื้อ เช่น ส่งโฆษณาลดจัดหนักช่วงสิ้นเดือนให้เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นมนุษย์เงินเดือน หรือกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมการซื้อทุกสิ้นเดือน เป็นต้น
2. เลือกส่งแคมเปญหรือโปรโมชันให้เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมการซื้อที่เหมาะกับแคมเปญหรือโปรโมชันนั้น ๆ เช่น ส่งโปรโมชันซื้อ 1 แถม 3 ให้เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ชอบซื้อสินค้าหลาย ๆ ชิ้นในครั้งเดียว หรือเฉพาะกลุ่มที่อาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ เป็นต้น
3. เลือกส่ง SMS หรือ E-mail ให้เฉพาะลูกค้ากลุ่มลูกค้าเก่าที่มีประวัติการซื้อที่ดี หรือสมัครเป็นสมาชิกแบรนด์ ด้วยการส่งคูปองแลกซื้อสินค้าสำหรับการซื้อครั้งถัดไป ให้สิทธิพิเศษในการซื้อสินค้าหรือใช้บริการในโอกาสพิเศษ เช่น วันเกิด วันครบรอบการเป็นสมาชิก รวมถึงวันสำคัญของคนใกล้ตัวอย่างพ่อแม่ พี่น้อง หรือวันสำคัญอื่น ๆ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า การใช้ CDP ในการทำธุรกิจเพื่อดูแลและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษที่ได้รับการเอาใจใส่ รู้สึกเซอร์ไพรส์ด้วยแคมเปญหรือโปรโมชั่นที่เกินความคาดหมาย และที่สำคัญ สามารถต่อยอดให้เกิด Brand Royalty เพิ่มโอกาสในการซื้อในอนาคต
หากคุณสนใจเครื่องมือที่จะช่วยคุณสร้างประสบการณ์การซื้อที่ดีให้กับลูกค้าได้โดยไม่รู้จบ ติดต่อ sniper เพื่อรับคำปรึกษา นัดหมายพูดคุยในการวางแผนการใช้กลยุทธ์ทำการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณตั้งแต่ก้าวแรก ด้วยเครื่องมือทำการตลาดอัจฉริยะ “SNIPER CDP” ได้ที่เว็บไซต์ https://sniper.tech/sniper-cdp/ หรือไลน์แอด @snipertech หรือโทรติดต่อ 093-498-2446